จ้างทีมอีคอมเมิร์ซดีไหม? เทียบกับทำเอง
จ้างทีมอีคอมเมิร์ซดีไหม? หรือควรทำเอง
เมื่อธุรกิจออนไลน์เริ่มเติบโต เจ้าของแบรนด์หลายรายเริ่มตั้งคำถามว่า “เราควรสร้างทีมอีคอมเมิร์ซภายในเอง หรือจ้างบริษัทภายนอกมาดูแลดีกว่า?
คำตอบอาจแตกต่างกันไปตามขนาดธุรกิจ ประสบการณ์ของทีมเดิม และเป้าหมายการเติบโต แต่การเข้าใจข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางเลือกคือกุญแจสำคัญในการตัดสินใจที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ
ปัญหาที่มักเจอเมื่อดูแลร้านเอง
ธุรกิจที่เลือก ดูแลร้านค้าออนไลน์เอง โดยไม่พึ่งบริษัทภายนอก อาจพบปัญหาหลายด้าน เช่น:
• งานกระจายหลายหน้าที่ในทีมเล็ก: คนเดียวอาจต้องดูทั้งคอนเทนต์ แอดมิน ตอบแชท และยิงแอด
• ขาดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน: เช่น การวิเคราะห์ Data, SEO, การวางโครงสร้างแคมเปญ
• ไม่สามารถ Scale ได้ทันเมื่อยอดขายโต: ทีมไม่ทันขยายตาม Workload
• อัปเดตระบบช้า: Marketplace เปลี่ยนฟีเจอร์บ่อย แต่ไม่มีคนคอยติดตามหรือปรับตัวทัน
• ขาด Dashboard หรือระบบวัดผลแบบเรียลไทม์
ข้อดีของการมีทีมภายใน
ถึงแม้จะมีข้อจำกัด แต่การมีทีมอีคอมเมิร์ซภายในองค์กร (In-house) ก็มีข้อดีหลายด้าน:
• ควบคุมทิศทางและ Branding ได้เต็มที่
• การตัดสินใจเร็ว ไม่ต้องรอขออนุมัติจากภายนอก
• ความเข้าใจสินค้าและลูกค้าแบบลึกซึ้ง
• สามารถพัฒนา Skill ของทีมในระยะยาว
เหมาะกับแบรนด์ที่มีงบประมาณพอสมควร และต้องการสร้าง Culture การตลาดออนไลน์แบบยั่งยืน
ข้อดีของการจ้างบริษัทดูแล ecommerce
การ outsource ecommerce ไปให้กับบริษัทมืออาชีพ ช่วยลดภาระงานและความเสี่ยงในหลายด้าน:
• มีทีมผู้เชี่ยวชาญครบด้าน: Ads, Content, Creative, CS, Operation, Data
• เริ่มต้นเร็ว เพราะมีทีมและเครื่องมือพร้อมแล้ว
• มี Know-how เฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น Shopee, Lazada, D2C Website, TikTok Shop
• สามารถจัดการ SKU จำนวนมาก และ Campaign ซับซ้อนได้
• มี Dashboard รายงานผล และแนะนำกลยุทธ์เชิงลึก
• ลดความเสี่ยงเรื่องพนักงานลาออก / Turnover
เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ “โฟกัสที่สินค้าและกลยุทธ์” โดยให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล Execution ให้ทั้งหมด
เปรียบเทียบ In-house vs Outsource แบบละเอียด
หัวข้อ |
In-house |
จ้างบริษัทดูแล (Outsource) |
ความเร็วในการเริ่มต้น |
ช้า (ต้องจ้างคนใหม่) |
เร็ว (มีทีมพร้อมใช้งานทันที) |
ต้นทุนเริ่มต้น |
ต่ำ (ในระยะสั้น) |
สูงกว่าเล็กน้อย แต่จ่ายตามแพ็คเกจงาน |
ควบคุม Branding |
สูงมาก |
ขึ้นอยู่กับการ Brief และ Alignment |
ความลึกของความเข้าใจแบรนด์ |
ลึก (อยู่กับแบรนด์ตลอดเวลา) |
อาจต้องใช้เวลา Brief ในช่วงแรก |
ความชำนาญเฉพาะทาง |
จำกัดตามประสบการณ์ในทีม |
มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายงานเฉพาะ |
ความเสี่ยงด้านทีมงาน |
สูง (ถ้าพนักงานลาออกอาจกระทบงาน) |
มีทีม Backup จากบริษัทตลอด |
เลือกผู้ช่วยให้เหมาะกับธุรกิจ: One-Stop Ecommerce Service
หากคุณต้องการทางออกที่ “มีทีมครบ + เริ่มเร็ว + ปรับกลยุทธ์ได้” การเลือกใช้ One-Stop Ecommerce Service คือทางเลือกที่หลายแบรนด์ชั้นนำเลือกใช้
จุดเด่นของ transcosmos Thailand:
• ทีมงานมากกว่า 80 คนครอบคลุมทุกสายงานอีคอมเมิร์ซ
• ดูแลทั้ง Marketplace (Shopee, Lazada) และ D2C Website พร้อมกัน
• มีระบบ Dashboard / OMS / CRM / Data Studio พร้อมใช้งาน
• มีประสบการณ์กับแบรนด์ระดับโลกในไทยและ SEA
• ปรับกลยุทธ์ได้ตามแคมเปญ เช่น Double Day, Payday, Mega Launch
ต้องการโฟกัสที่สินค้าโดยไม่ต้องปวดหัวเรื่องระบบหลังบ้าน? ดูบริการ One-Stop Ecommerce จาก transcosmos
สรุป: ไม่มีคำตอบเดียวที่ถูก แต่มีทางเลือกที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ
ทั้ง In-house และ Outsource มีข้อดีของตัวเอง ขึ้นอยู่กับ:
• ขนาดทีมปัจจุบัน
• งบประมาณที่มี
• ความเร่งด่วนในการทำแคมเปญ
• ความซับซ้อนของ SKU และแพลตฟอร์มที่ต้องดูแล
หากธุรกิจของคุณต้องการขยายอย่างเร็ว และไม่มีทีมพร้อม การเลือกใช้ One-Stop Ecommerce ที่เชื่อถือได้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน และลดความเสี่ยงได้อย่างแท้จริง